อย่างที่รู้ๆ กันว่า กระจกมักนิยมถูกนำมาใช้เป็นของแก้ฮวงจุ้ย การติดกระจกสามารถแก้ไขปัญหาต่างๆ ให้ดีขึ้นได้ ซึ่งกระจกที่นิยมก็มีหลายอย่าง ตั้งแต่บ้านที่ผิดฮวงจุ้ยอย่างรุนแรงมักใช้กระจกยันต์ 8 ทิศ บ้านที่ถูกคุกคามด้วยสิ่งลี้ลับ ความมืด มักใช้กระจกเสือคาบดาบ ส่วนบ้านที่ปัญหาไม่ได้รุนแรงมากก็จะนิยมใช้กระจกเงามาช่วยแก้ฮวงจุ้ย แต่ก็ไม่ใช่ว่าจะติดตรงไหนก็ได้ การติดกระจกฮวงจุ้ยให้ได้ผล ก่อให้เกิดพลังบวก ไล่พลังลบ ต้องทำตามหลักการ เพราะฉะนั้นอย่างเพิ่งติดกระจกฮวงจุ้ย หากยังไม่รู้หลักในการติดกระจกฮวงจุ้ย 5 ข้อนี้
การจะติดกระจกฮวงจุ้ย กระจกจะต้องไม่สะท้อนประตูห้องน้ำ หรือมุมแหลมคม ตัวกระจกจะต้องสะท้อนแต่สิ่งที่ดีๆ ห้ามสะท้อนสิ่งที่แสดงพลังด้านลบ ถ้าเป็นร้านอาหาร หรือร้านขายของ กระจกควรสะท้อนภาพลูกค้าที่เดินเข้ามาในร้าน เพราะจะช่วยเพิ่มพลังหยาง ทำให้ร้านมีการเจริญเติบโตและความเจริญรุ่งเรือง ซึ่งมีส่วนสำคัญมากในการนำโชคลาภที่ดีให้เข้ามา
จริงๆ แล้วในห้องนอนไม่ควรมีกระจกติดอยู่ ไม่ว่าจะกระจกฮวงจุ้ยหรือกระจกอะไรก็ตาม โดยเฉพาะปลายเตียงนอน ถือเป็นข้อต้องห้ามสำคัญตามศาสตร์ฮวงจุ้ย กระจกจะสะท้อนภาพของคุณที่กำลังนอนหลับในเวลากลางคืนที่เป็นช่วงเวลาพลังหยิน (พลังหยิน หมายถึง กลางคืน ความมืด ความเย็น ความหดหู่ ความนิ่งไม่รู้สึกตัว สิ่งที่มองไม่เห็น จิตวิญญาณ ความเจ็บป่วย ความสูญเสีย และความตาย) อาจจะเกิดอันตรายจากการที่จิตวิญญาณ ซึ่งเป็นพลังชี่ภายในตัวของคุณถูกดูดออกไปแบบไม่รู้ตัว อีกทั้งยังมีความเชื่อที่ว่ากระจกที่สะท้อนอยู่ปลายเตียงจะดึงดูดปัญหาของการใช้ชีวิตคู่อย่าง มือที่สามเข้ามาด้วย และยังส่งผลร้ายแรงต่อสุขภาพ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ไม่ควรมีกระจกไว้ในห้องนอน
กระจกฮวงจุ้ยนอกจากจะสะท้อนสิ่งดีๆ แล้วยังสะท้อนสิ่งที่ไม่ดีด้วย เพราะเหตุนี้จึงไม่ควรติดกระจกในพื้นที่ที่สะท้อนสิ่งไม่ดี สิ่งสกปรก อย่างชักโครก ถังขยะ หรือสิ่งที่จะทำให้โชคลาภของคุณบั่นทอนลง อย่างเช่น กระจกไม่ควรสะท้อนภาพกองใบเสร็จ ใบสั่งซื้อสินค้าประเภทต่างๆ ที่ยังไม่ได้จ่าย กองหนังสือพิมพ์เก่าๆ เพราะฉะนั้นควรจะเก็บกระจกให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้ เพราะการสะท้อนภาพสิ่งของพวกนั้นจะสร้างพลังที่ทำให้เกิดรายจ่ายสูง ทำให้มีรายจ่ายเข้ามาอยู่ตลอด หรือการสะท้อนภาพหนังสือพิมพ์เก่าๆ จะส่งผลให้สมาชิกในบ้านนั้นมีชีวิตที่ยึดติดอยู่กับอดีต ไม่ยอมเดินไปข้างหน้า ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง
ตามหลักฮวงจุ้ย ห้องกินข้าวจะเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ อีกทั้งห้องอาหารยังเป็นห้องที่สมาชิกทุกคนจะมารวมตัวกัน เป็นห้องที่มักเกิดความสุข ความเฮฮา เสียงหัวเราะอยู่บ่อยๆ การติดกระจกฮวงจุ้ยในห้องกินข้าวจะช่วยสะท้อนสิ่งดีๆ ความสุข ความอุดมสมบูรณ์ให้เพิ่มขึ้นเป็นทวีคูณ
ประตูหน้าบ้านเป็นเหมือนจุดเริ่มต้นของพลังดีที่ถูกถ่ายเทมาสู่ตัวบ้าน การติดกระจกฮวงจุ้ยตรงกับประตูบ้านจะทำให้เป็นการสะท้อนโชคลาภออกไป ถ้าอยากมีโชคมีลาภห้ามติดกระจกตรงประตูบ้านเด็ดขาด
**นอกจาก 5 สิ่งที่ควรรู้ในการติดกระจกฮวงจุ้ยแล้ว เรายังมีหลักการในการติดกระจกฮวงจุ้ยมาฝากด้วย**
หลักการสำคัญในการติดกระจกฮวงจุ้ย ⮚ เลี่ยงการติดกระจกที่ส่องเจาะจงตัวบุคคล ⮚ กระจก 2 บานห้ามหันหน้าชนกัน เพราะจะทำให้เกิดการสะท้อนไปมา เกิดความวุ่นวาย ⮚ ห้ามติดกระจกแตก กระจกร้าว หรือกระจกที่มีกระเบื้องโดยเด็ดขาด เพราะจะทำให้เกิดความขัดแย้ง แตกหัก ไม่มีความสามัคคีกัน ⮚ ควรทำความสะอาดกระจกให้ใสสะอาดอยู่เสมอ เพื่อให้สะท้อนพลังงานที่ดี เห็นภาพที่ชัดเจนสวยงาม เป็นการเปิดรับพลังที่สดใสจากภายนอกให้เข้ามาสู่บ้านได้อย่างเต็มที่ ⮚ ตำแหน่งที่ติดกระจก ต้องติดให้สูงพอที่จะเห็นศีรษะคนส่อง เพราะกระจกคือสิ่งสะท้อนตัวตน หากศีรษะถูกตัดออกไป จะเป็นการสะท้อนตัวตนจนชัดเจน ภาพที่ออกมาเป็นอย่างไร ตัวตนก็เป็นอย่างนั้น ⮚ การติดกระจกทรงสี่เหลี่ยมหรือสามเหลี่ยม จะติดเพื่อความสมดุล แต่กระจกแปดเหลี่ยมจะติดเพื่อสะท้อนพลัง และกระจกทรงกลมติดเพื่อความกลมกลืน ⮚ การติดกระจกหลังเตาไฟจะส่งผลเสียต่อความมั่งคั่ง มั่งมี ⮚ การติดกระจกเพื่อการตกแต่งบ้านนั้น จะให้ผลดีที่สุด เมื่อติดในตำแหน่งที่สะท้อนให้เห็นวิวทิวทัศน์ หรือวัตถุที่มีความสวยงาม |
หวังว่าทุกคนจะได้ประโยชน์และแนวทางในการติดกระจกฮวงจุ้ยกันไปไม่มากก็น้อย แน่นอนว่ากระจกทุกบานส่งผลต่อบ้าน เพราะฉะนั้นก่อนจะติดควรศึกษาให้ดีเสียก่อน และควรติดให้ถูกหลักจะดีที่สุด เพื่อให้กระจกฮวงจุ้ยช่วยดึงดูดพลังที่ดี สิ่งดีๆ สิ่งที่มีชีวิตชีวาจากสิ่งแวดล้อมภายนอกที่เป็นมงคลในด้านโชคลาภ ชัยชนะ ความสำเร็จ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินให้เข้ามาอยู่ในบ้านคุณได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด ส่วนบ้านไหนที่ยังติดกระจกผิดหลักอยู่ก็อย่าลืมปรับเปลี่ยนกันด้วยเผื่อปัญหาที่กำลังพบเจออยู่จะลดลง