สำหรับคนที่ศึกษาเรื่องฮวงจุ้ยน่าจะเคยเห็นหรือได้ยินเกี่ยวกับสัญลักษณ์หยิน-หยางกันมาบ้าง สัญลักษณ์รูปวงกลมที่แบ่งตรงกลางเป็นรูปตัว S ข้างหนึ่งสีขาว ข้างหนึ่งสีดำนั่นเอง หลายบ้านเลือกของตกแต่งที่มีสัญลักษณ์หยิน-หยาง ไม่ว่าจะเป็น รูปภาพ กระจก เพราะเชื่อว่าเป็นสัญลักษณ์ที่ดี แต่บางบ้านก็เลือกเพียงเพราะความสวยงามเท่านั้น วันนี้เลยอยากพาไปทำความรู้จักกับสัญลักษณ์หยิน-หยางให้มากขึ้นว่านอกจากความสวยงามแล้ว สื่อถึงอะไรบ้าง
หยิน-หยาง คืออะไร?
หยิน-หยาง หรือ คติทวินิยม เป็นกฏแห่งความสมดุลของธรรมชาติ หมายถึงธรรมชาติที่เป็นของคู่ตรงกันข้าม ตามความเชื่อของชาวจีนโบราณที่แสดงถึงความเข้าใจในธรรมชาติ สภาวะธรรมชาติที่มีอยู่คู่กันที่ก่อให้เกิดสิ่งต่างๆ บนโลก ในโลกใบนี้ต้องมีสิ่งที่คู่กันเสมอ หยิน-หยาง เป็นส่วนหนึ่งของคำสอนหรือปรัชญาของลัทธิเต๋า โดยมี เล่าจื้อ เป็นผู้ก่อตั้งในยุคเลียดก๊กตามประวัติศาสตร์ของเมืองจีน ชาวจีนมีความเชื่อว่า พลังด้านหยิน-พลังด้านหยาง เป็นตัวแทนของพลังแห่งจักรวาล 2 ด้าน สัญลักษณ์พลังด้านหยิน และพลังด้านหยาง พัฒนามาจากปรากฎการณ์ทางธรรมชาติของจักรวาล
หยิน-หยาง เป็นทฤษฎีที่อธิบายว่า การเกิด การพัฒนา และการเปลี่ยนแปลงของทุกสิ่งทุกอย่าง เกิดจากบทบาทของพลังตรงข้ามที่มีต่อกันสองสิ่ง ที่ดำรงอยู่ในโลกธรรมชาติทุกแห่ง
สัญลักษณ์หยิน-หยาง หมายถึงอะไร
สัญลักษณ์หยิน-หยางที่คุ้นตา จะเป็นวงกลมและถูกแบ่งตรงกลางเท่าๆ กันด้วยเส้นโค้งรูปตัว S ด้านหนึ่งเป็นสีขาว และอีกด้านหนึ่งเป็นสีดำ
พลังด้านหยิน เป็นส่วนสีดำ สื่อความหมายถึง ดวงจันทร์ที่มีความอ่อนโยน เป็นตัวแทนของความเต็มใจ อาการยอมรับที่จะเป็นฝ่ายถูกกระทำ เป็นพลังแห่งสตรีเพศ ความเยือกเย็น การหยุดนิ่ง การเคลื่อนลงต่ำ การเก็บรักษา การยับยั้ง มีลักษณะของความเย็น พบในทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ความหนาวเย็น ความมืด อ่อนนุ่ม ลึกลับ และเปลี่ยนแปลง
พลังด้านหยาง เป็นส่วนสีขาว สื่อความหมายถึง พระอาทิตย์ เป็นสัญลักษณ์ของพลังแห่งบุรุษเพศ การเคลื่อนไหว มีจิตใจร่าเริง ความกระตือรือร้น การเคลื่อนขึ้นไปด้านบน การเจริญเติบโต ความเจริญรุ่งเรือง ความร้อนแรง มีลักษณะของความร้อน พบในทุกสิ่งทุกอย่างที่ให้ความอบอุ่น สว่างไสว มั่นคง สดใส
หากสังเกตจะเห็นได้ว่าลักษณะของหยินและหยางในวงกลมจะเคลื่อนตัวเข้าหากัน จากหยินไปหาหยาง และจากหยางไปหาหยิน ซึ่งเป็นการเติมเต็มซึ่งกันและกัน จากภาพสัญลักษณ์จะเห็นว่าแต่ละส่วนเป็นองค์ประกอบของกันและกัน ในแต่ละส่วนรวมเอาอีกส่วนหนึ่งเข้ามาด้วย ในแต่ละฝั่งจะมีจุดเล็กๆ ของสีตรงข้ามปรากฎอยู่ แสดงให้เห็นว่าในฝั่งของชายมีความเป็นหญิงอยู่ภายใน และ ในฝั่งของหญิงก็มีความเป็นชายอยู่ภายในเช่นเดียวกัน
ความสมดุลของ หยิน-หยาง
หยิน-หยาง เป็นพลังคู่ตรงข้ามกัน ต้องเท่ากันจึงจะสร้างความสมดุล เช่น ชาย-หญิง, บวก-ลบ, มืด-สว่าง, พระอาทิตย์-พระจันทร์, กลางวัน-กลางคืน, ร้อน-หนาว เป็นต้น ดังนั้น สัญลักษณ์หยิน-หยาง จึงแทนความสมดุลของพลังในจักรวาล
ทำให้เกิดความเชื่อที่ว่า เอกภพเกิดขึ้นจากการปะทะกันของพลังทั้งสอง ทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นโดยมีพลัง หยิน-หยาง เป็นต้นกำเนิดทั้งนั้น ถ้าลองพิจารณาคุณสมบัติพลังหยิน-หยาง จะเห็นว่าทั้งสองไม่มีอะไรที่เหมือนกันเลย แต่เมื่อทั้งสองมารวมอย่างเท่าเทียมกันจะเกิดเป็นความสมดุลที่พอดี เพราะถ้าหากมีพลังหยินมากเกินไป ทุกสิ่งทุกอย่างจะสงบนิ่งจนดูกลายเป็นความเฉื่อยชา ไม่มีการเติบโต ไม่มีการพัฒนา แต่ถ้ามีพลังด้านหยางมากเกินไป ทุกสรรพสิ่งก็จะเปลี่ยนมาเป็นความรุ่มร้อน ก้าวร้าว และรุนแรง ความมืดในเวลากลางคืนจะมีขึ้นไม่ได้หากไม่มีความสว่างไสวในเวลากลางวัน ความอบอุ่นของฤดูร้อนไม่อาจเกิดขึ้นได้หากไม่มีความหนาวเย็นในฤดูหนาว หยางจะไม่สามารถเติบโตขึ้นได้หากไม่มีหยิน และหยินเองก็ไม่อาจให้กำเนิดชีวิตใหม่ได้หากไม่มีหยาง นั่นคือความหมายของการมีอยู่คู่กันของทุกสิ่งบนโลกนี้
ในทางฮวงจุ้ย ความสอดคล้องระหว่างพลังหยินและหยางคือหัวใจสำคัญ เมื่อเกิดความสมดุล ทุกสิ่งก็จะดำเนินไปอย่างสอดคล้องกัน ดังนั้นสิ่งสำคัญคือการสร้างความสมดุลขึ้นในบ้าน ลองกลับไปคิดดูว่าภายในบ้านของคุณ ในห้องนอนในมุมโปรด มีพลังอย่างใดอย่างหนึ่งมากเกินไปหรือเปล่า ปัญหาที่กำลังเผชิญเกิดจากสิ่งเหล่านั้นหรือเปล่า เรื่องพวกนี้อาจไม่ต้องถึงขั้นให้ซินแสดูก็ได้ เพราะเป็นเรื่องพื้นฐานที่สามารถพิจารณาเองได้อยู่แล้ว ถ้ารู้สึกว่ามีพลังด้านไหนมากก็ลองเปลี่ยนแปลงดู เช่นถ้าห้องนอนมีพลังหยินมากเกินไป อับทึบก็ลองเปลี่ยนสีฝาผนังให้สว่างขึ้นดู หรือจะหาของตกแต่งบ้านอย่างกระจกแปดเหลี่ยม สไตล์ Modern ถูกหลักฮวงจุ้ย มาเป็นตัวช่วยก็ได้ แต่อย่าลืมศึกษาขั้นตอนการติดตั้งให้ละเอียดด้วย ส่วนใครที่ไม่คิดเชื่อเรื่องราวเหล่านี้ ลองดูก็ไม่เสียหายอะไร อย่าเชื่อคำพูดใครถ้าคุณไม่ได้พิสูจน์ด้วยตัวเอง